รู้หรือไม่? อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เป็นต้นเหตุให้สิวบุก
เชื่อว่าคนไทยทุกคนคงเข้าใจสภาพอากาศของประเทศไทยเป็นอย่างดี เพราะบทจะร้อนก็ร้อนระอุ บทฝนจะตกก็ตกหนักถึงขั้นน้ำท่วม ยิ่งในช่วงนี้เรียกว่าอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย จนทำให้คนไทยหลายคนเริ่มชินกับสภาพอากาศแบบนี้แล้ว
แต่เชื่อว่าผิวหน้าทุกคนคงไม่ชินกับอากาศที่เปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดสิวบนใบหน้า วันนี้เรามีข้อพิสูจน์แล้วว่า อากาศที่เปลี่ยนแปลงขนาดนี้ เป็นเหตุให้เกิดสิวจริงหรือ?
อากาศร้อนชื้นในฤดูร้อน และฤดูฝนของประเทศไทย ทำให้เกิดสิว จริงหรือ?ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว สลับกับฝนฟ้าคะนองในช่วงฤดูฝน อีกทั้งในสถานการณ์แบบนี้ที่เราทุกคนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ก็ยิ่งเพิ่มความอับให้กับผิวหน้าของเราอีก นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องความอับชื้นจากเสื้อผ้า และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน เป็นต้นเหตุให้รูขุมขนอุดตัน เกิดการอักเสบ กลายเป็นต้นเหตุให้เกิดสิวผด ที่บริเวณใบหน้า หน้าผาก คอ อก ไหล่ หลัง โดยสภาพอากาศแต่ละแบบก็ทำให้เกิดปัญหาสิวอย่างเช่น
- สภาพอากาศร้อน
ในสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย อย่างที่เรารู้กันดีว่าร้อนระอุมาก ทำให้ร่างกายคายความร้อนออกมาในรูปแบบของเหงื่อ ยิ่งถ้าเหงื่อออกเยอะแล้วเราทำความสะอาดไม่ดี ก็ทำให้เกิดสิวได้ ยิ่งถ้าเหงื่อของเราไปรวมกับเซลล์ที่ตายแล้ว และมลภาวะ ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ดังนั้นคุณควรทำความสะอาดทั้งผิวกายและผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ และอาจใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) และ เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) ที่เป็นส่วนผสมช่วยป้องกันการเกิดสิวในสภาพอากาศร้อน
- สภาพอากาศชื้น
สภาพอากาศชื้นในช่วงฤดูฝน ในพื้นที่ของประเทศไทยนับว่าเป็นสภาพอากาศแบบร้อนชื้น ก็มีโอกาสที่ทำให้สิวมาบุกได้ ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าสภาพอากาศชื้นแบบนี้ จะช่วยให้ผิวของเราชุ่มชื้น ไม่แห้งและไม่มัน แต่ความร้อนชื้นก็ทำให้เกิดเหงื่อได้เช่นกัน เมื่อรวมกับมลภาวะ ฝุ่น ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้เกิดสิวและกระบวนการฟื้นฟูของผิวก็ช้าลงด้วย
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว จะเห็นได้ว่าเหงื่อถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดสิว และยังมีเรื่องมลภาวะอย่างฝุ่น เมื่อเหงื่อและฝุ่นผสมกันทำให้เกิดแบคทีเรีย ยิ่งถ้าเราทำความสะอาดไม่ดี บอกเลยว่าสิวบุกใบหน้าและร่างกายคุณแน่นอน ซึ่งวิธีที่จะช่วยลดการเกิดสิวจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย คือเราต้องหมั่นขัดผิว และสครับผิวนั่นเอง
วิธีขัดผิวและสครับผิว ไม่ให้เกิดสิวการขัดผิวหรือการสครับผิว นอกจากจะช่วยให้เราทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกแล้ว ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้ง่ายขึ้น เพราะผิวที่ตายแล้วจะไปอุดตัน ไม่ให้ผิวมีอากาศถ่ายเท และทำให้เกิดสิว ดังนั้นการสครับผิวทั้งใบหน้าและผิวกาย จะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตาย ให้ผิวของคุณได้ผลัดเซลล์ผิวใหม่ ผิวกระจ่างใส และให้ผิวของคุณสะอาดหมดจด โดยวิธีขัดผิวที่ถูกต้องเราควรทำดังนี้
ผิวหน้า- ดูผิวหน้าของเราก่อนว่าเป็นผิวแบบไหน ผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง เพื่อที่เราจะได้เลือกสูตรสครับผิวได้ถูกต้อง
- สครับผิวเพียงอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เพราะถ้าสครับผิวมากไป อาจทำให้ผิวแห้งได้
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิวหน้าที่เม็ดสครับเล็ก
- ไม่ควรขัดผิวแรงๆ เพราะอาจทำให้ผิวเกิดความเสียหาย แนะนำให้ผสมกับน้ำแล้วถูเบาๆ เน้นบริเวณหน้าผาด จมูก และคาง ให้ขัดผิวประมาณ 10 นาที แล้วล้างน้ำให้สะอาด
- สครับก่อนนอนจะทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่า
- ทาครีม ทาโลชั่น บำรุงหลังจากสครับ
- เลือกสบู่สครับที่เหมาะกับผิวก่อน
- อาบน้ำก่อนใช้สครับผิว เพราะผิวที่เปียกจะทำให้ผิวของคุณไม่แห้ง ทำให้สครับง่ายขึ้น แนะนำให้ใช้สบู่สครับผิวนามิ หรือสบู่พีชนามิ ที่มีสารสกัดจากลูกพีชเกาหลี กลูต้าไธโอน และคอลลาเจน ช่วยสครับทำความสะอาดผิวกาย ให้เนียน กระจ่างใส กำจัดสิ่งสกปรกที่มาในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ลดการเกิดสิวบนผิว
- สครับผิวด้วยการนวดเบาๆ ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
- ทาครีมบำรุงหลังสครับเสร็จ อย่างเช่นโลชั่น หรือเซรั่ม ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อบำรุงความชุ่มชื้นให้กับผิวของคุณ
สรุปแล้วอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย บวกกับมลภาวะรอบตัวเรา เป็นต้นเหตุทำให้เราเกิดสิว ซึ่งวิธีป้องกันอย่างที่บอกไปคือ ทำความสะอาดผิวหน้า ผิวกาย ด้วยสครับด้วย สบู่พีชนามิ ด้วยสารสกัดจากพีชประเทศเกาหลี กลูต้าไธโอนและคอลลาเจน ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น ให้ผิวกระจ่างใส พร้อมฟองสบู่หนานุ่ม กลิ่นหอม ทำความสะอาดผิวกายอย่างหมดจดล้ำลึก พร้อมผสานเม็ดสครับเปลือกเมล็ดแอพริคอต ไม่ทำให้บาดผิว ผลัดเซลล์ผิวเก่า ผิวดูไบร์ทขึ้น เรียกว่าอากาศเปลี่ยนแค่ไหน แค่มีสบู่พีชนามิก็ไม่ต้องกลัวสิวบุก!